คุณ วรินทร์ธร เบญจธนัยโรจน์
ผู้เชี่ยวชาญและที่ปรึกษา
สถาบันสุขภาพและความงาม Natura Charm
ปัจจัยหลักในการพัฒนาและคิดค้น
นำไปสู่ผลลัพธ์ของ Natura Charm
เริ่มจำความได้ก็ต้องไปหาหมอทุกเดือน เพราะเป็นโรคภูมิแพ้ ป่วยง่ายแพ้แม้แต่เหงื่อตัวเอง กินยาแก้แพ้ทุกวัน เป็นโรคผิวหนังแห้งกรอบที่ขาขวาตั้งแต่เด็ก เหมือนคนขาดน้ำ ใส่แว่นตั้งแต่เด็ก เพราะรวมเอาส่วนที่ไม่สมประกอบ มาไว้ที่ตาสองข้างของเธอ…สั้น ยาว เอียง กระจกตา ซ้ายบางและฉีกขาด จนต้องผ่าตาทั้งสองข้างตอน พ.ศ 2548 แต่แค่ปี พ.ศ.2553 ตาเธอเริ่มเห็นไม่ชัดอีกแล้ว แต่ไม่อยากผ่ารอบที่สองอีก เป็นกระเพาะอาหารอักเสบเรื้อรัง จนเกือบต้องตัดกระเพาะบางส่วนออกไป เป็นโรคกรดไหลย้อนกินข้าวไม่ได้ จนครอบครัวคิดว่าเป็นโรคเกี่ยวกับไสยศาสตร์ เพราะกินยาแผนปัจจุบันไม่หาย ไมเกรนรุนแรง ต้องกินยาที่แรงที่สุดแต่แค่บรรเทา ปวดประจำเดือนต้องกินยาทุกเดือน เพราะทำงานไม่ได้ เป็นไวรัส บี บางครั้งต้องนอนเป็นสัปดาห์เพราะปวดและไม่มีแรงแม้แต่จะลุกยืน กินยารักษาตับ ที่นำเข้าจากอเมริกา เกือบ 2 ปี แต่ไม่มีอะไรดีขึ้น ล่าสุดปี พ.ศ .2553 หมอตรวจพบว่าเธอป่วยด้วย โรคลิ้นหัวใจซีกระหว่าง ล่าง-บน ด้านซ้ายรั่ว ซึ่งก่อนหน้านั้นเธอมีอาการมาตั้งแต่เด็ก ๆ แต่หมอบอกว่าเธอแค่เหนื่อย เครียดไม่ได้พักผ่อน ทำงานหนักเกินไป มือข้างขวาเป็นกระดูกทับเส้นประสาท เธอรักษาโดยการนวดแผนไทย ควบคู่กับการกินยาแผนปัจจุบัน อาการแย่ลงจากแค่เจ็บนิ้วโป้งรุนแรงขณะเริ่มใช้งาน กลายเป็นชาและไม่รับรู้ ต้องวิ่งกลับไปหาหมอแต่หมอให้คำแนะนำว่าต้องผ่าเท่านั้น
ดังนั้นเธอจึงถามหมอไปว่า ถ้าผ่าแล้วเธอจะกลับมาใช้งานได้มั้ย เพราะอาชีพต้องใช้มือขวาเป็นหลักในการทำมาหากิน หมอตอบว่า….ของหมอก็ผ่าสองรอบแล้วค่ะ ตอนนี้ก้อยังไม่หาย…. คำตอบของหมอ ทำให้เธอกลับมาที่บ้าน ตื่นขึ้นมามองเครื่อง คิดถึงผลิตภัณฑ์ของเธอ ทำยังไงถึงจะช่วยโรคภัย ที่รังควานเธอและแล้วสิ่งที่เธอคิดมันก้อประสบผลสำเร็จ อาการของเธอดีขึ้นจนหายขาดเกือบทั้งหมด หลายเหตุการณ์นำพาเธอให้พึ่งพาตัวเองเรียนรู้หลักธรรมชาติทั้งระบบของร่างกาย ภายนอกและภายใน เพื่อรักษาตัวเองและช่วยเหลือคนหลายคนที่เธอรู้จัก และเขาเหล่านั้นศรัทธาในตัวเธอ ให้ช่วยแบ่งเบาปัญหาความเจ็บป่วยให้ทุเลาลงและหายไปในที่สุด
Natura Charm Design your Health & Beauty
“เลือดที่สะอาดต้องมาพร้อมการลำเลียงที่สะดวก เมื่อการลำเลียงสะดวกเซลล์ต่างๆก็ได้รับอาหารอย่างพอเพียง และเมื่อเซลล์ได้รับอาหารอย่างพอเพียง เซลล์ก็จะไม่เสื่อมไม่ตาย”
“หม้อกรองในร่างกายทั้งสามด่านอันได้แก่ ด่านที่1 ต่อมน้ำเหลือง(ต่อมไร้ท่อ) ด่านที่2 ตับ ด่านที่3 ไต ต้องทำงานเป็นทีมอย่างสมดุลย์”
“ต้นไม้ต้องการน้ำ อาหารหล่อเลี้ยง เพื่อการเจริญเติบโต เปรียบเสมือนร่างกายที่ต้องการระบบเลือดและอ๊อกซิเจนไปหล่อเลี้ยงเซลล์ เพื่อการเจริญเติบโตและลดภาวะเสื่อมเช่นกัน”
“จากการที่ดิฉันป่วยเป็นสาเหตุให้ดิฉันค้นพบเทคนิคการผ่าตัดด้วยและบำบัดด้วยอ๊อกซิเจน ซึ่งดิฉันเรียกวิธีการนี้ว่า BeO. (บีโอ)”
การบำบัดร่างกายต้องพิจารณาองค์ประกอบหลายส่วนในการบำบัด การอาศัยองค์ความรู้ของการบำบัดของแผนโบราณ แผนปัจจุบัน ตะวันตกและตะวันออก จึงจำเป็นในการหาสาเหตุที่แท้จริงของอาการป่วย ว่าเกิดจากสาเหตุใด และเป็นที่อวัยวะใดเป็นสำคัญ ก่อนลงมือทำการบำบัดในขั้นต่อๆไป การบำบัดแบบ BeO.จึงเป็นอีกทางเลือกหนึ่งในการบำบัดอาการป่วย ที่ทางสถาบันใช้มาเป็นเวลากว่า 20ปี และเป็นเจ้าของลิขสิทธิ์อย่างถูกต้องแต่เพียงผู้เดียวในประเทศไทย
– คุณวรินทร์ธร เบญจธนัยโรจน์
ทฤษฎีแนวคิดการบำบัด
1. ทฤษฎี Enhancer หรือ เทคโนโลยีชีวะโมเลกุล ของ ดร.ทรงศักดิ์ เกียรติสุข นักวิจัยชาวไทยที่ขายงานส่วนใหญ่ให้กับต่างประเทศ
Enhancer เป็นนวัตกรรมใหม่ซึ่งได้นำเทคโนโลยีสมัยใหม่ มาทดแทนเครื่องมือทางการแพทย์ โดยการพัฒนามาจากระบบ Emulsion และ ระบบ Nano Technology โดยอาศัยสารซึ่งสกัดมาจากพืชและเป็นสารธรรมชาติที่จะช่วยให้ผนังเซล์เปิดออก (เรียกว่า Enhancer) เพื่อให้มีการดูดซึมสารอาหารที่ดีและนำพาสารอาหารเข้าสู่เซลล์ชั้นลึก โดยการยืดขยายเซลล์ โดยไม่ต้องฉีดยา ไม่ต้องผ่าตัด ทดแทนเครื่องมือทางการแพทย์ ทำให้สารที่มีประโยชน์และมีคุณค่าต่อผิวสามารถผ่านเข้าไปได้ทุกโมเลกุล
ทฤษฎีเรื่องคลื่น แสง สี เสียง ในนวัตกรรมสายเสริมความงามต่างๆ หรือแม้แต่กระทั่งเครื่องมือแพทย์ในการทำกายภาพบำบัด ก็ใช้ทฤษฎีนี้ในการ บำบัด บำบัดผู้ป่วย โดยใช้เครื่องมือที่มีกำลังส่งคลื่นลงไปในร่างกายเพื่อกระชับผิวพรรณ บรรเทาอาการเจ็บปวดตามกล้ามเนื้อ เพื่อผ่อนคลายมัดกล้ามเนื้อและเส้นประสาท เพราะเครื่องมือที่มีประสิทธิภาพสามารถส่งคลื่นเข้าไปกระตุ้นเซลล์ ขยายเซลล์ให้เกิดการยืดขยายหรือหดตัวลงได้
ทฤษฎีเรื่องเลือดของ ชาวตะวันออก (แพทย์แผนจีนและแผนไทย)
ตำราแพทย์แผนจีน จีนมีบันทึกการบำบัดโรคมาแต่โบราณ กว่า 3,000 ปี ชาวจีนเชื่อเรื่องเลือดลมเป็นสำคัญ เลือดคือเลือดที่สะอาด ลมคือทิศทางของเลือด หากตรงไหนชีพจรติดขัด แสดงว่าทิศทางของลมนั้นไม่ดี การจับชีพจรของจีนจึงจับกันหลายจุดทั่วร่างกาย จึงมีตำราจุดชีพจรขึ้นมา หลังๆมีการศึกษาเรื่องจุดชีพจรที่ลึกลงไปอีกเพื่อใช้ในตำราการต่อสู้ของจีน หรือที่เรียกกันว่าจุดตาย
ตำราแพทย์แผนไทย มีการพูดถึงเรื่องเลือดลมเช่นกันในการนวดไทยหรือตำรายาสมุนไพรไทยจึงมีการทำให้เลือดลมเดินทางสะดวก อย่างเช่นตำรานวดแผนไทยที่เป็นที่ยอมรับของทั่วโลก การนวดหาจุดกดเจ็บของไทย สามารถทำให้รู้ว่าร่างกายใครมีปัญหาที่จุดไหน มีพังผืดรัดตึงมากน้อยเท่าไหร่ ส่วนไหนในร่างกายที่มีลมเยอะ หลายคนที่เคยนวดคงจะสัมผัสได้บ้างว่าในระหว่างที่นวด จะมีการเลอ หรือผายลมเป็นเรื่องปกติที่เกิดขึ้นในการนวด
2. ทฤษฎีการบำบัดโรคด้วยออกซิเจน ดร.ฟรานซิส เรย์มันด์ นักวิจัยชาวอเมริกา
ผู้เชี่ยวชาญการบำบัดโรคด้วยออกซิเจน ได้กล่าวไว้ว่า ร่างกายที่มีออกซิเจนในปริมาณ99%สามารถฆ่าเชื้อไวรัส แบคทีเรียและมะเร็งได้ ร่างกายของคนเรานั้นประกอบไปด้วยเซลล์ต่างๆ 70ล้านล้านเซลโดยประมาณ ถ้าทุกเซลล์ทำงานได้ในแบบที่มันควรจะเป็น คนเราก็จะไม่ป่วย วิธีเดียวที่จะทำให้เราป่วยได้ก็คือ เมื่อเซลล์จำนวนมากในร่างกายของเราทำงานผิดปกติ นั่นคือสาเหตุที่ทำให้เราป่วย
ทฤษฏีออกซิเจน 99 %
ทำให้คนไม่แก่ ไม่ป่วย ต่อต้านไวรัส แบคทีเรีย และมะเร็ง